หัวจะปวด! เพื่อนบ้าน ต่อเติมบ้าน สร้างเพิ่ม 1 ชั้น แต่ดันใช้กำแพงร่วมกัน หวั่นถล่ม

หัวจะปวด! เพื่อนบ้าน ต่อเติมบ้าน สร้างเพิ่ม 1 ชั้น แต่ดันใช้กำแพงร่วมกัน หวั่นถล่ม

ยังไงดี? เจ้าของบ้านกุมขมับหลัง เพื่อนบ้าน ต่อเติมบ้าน สร้างเพิ่มอีก 1 ชั้น แต่ดันก่ออิฐบนกำแพงกั้นที่ใช้ร่วมกัน แถมยังมีส่วนรุกล้ำเข้ามาอีกด้วย ปัญหามนุษย์เพื่อนบ้าน เชื่อว่าต้องมีหลาย ๆ คนกำลังเผชิญอยู่อย่างแน่นอน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีเจ้าของบ้านคนหนึ่งน่าจะกำลังกลุ้มใจเป็นอย่างมากถึงขนาที่ต้องออกมาโพสต์ในกระทู้พันทิปกรณี เพื่อนบ้าน ต่อเติมบ้าน เพิ่มอีก 1 ชั้นแต่ดันล้ำเส้นกำแพง หรืออาจเรียกว่าทับกำแพงเลยก็ได้ งานนี้ชาวพันทิปต่างออกความคิดเห็นกันอย่างมากมาย เพราะหวั่นว่าบ้านจะถล่ม

วันที่ 28 พฤษภาคม 2565 สมาชิก หมายเลข 4055260 เว็บไซต์พันทิปดอทคอม 

ตั้งกระทู้หัวข้อ “ขอปรึกษาครับ บ้านผมถูกเพื่อนบ้านใช้กำแพงรั้ว เอามาสร้างเป็นส่วนต่อเติมบ้านและมีส่วนที่ยื่นล้ำเข้ามาในเขตบ้านเรา” โดยเจ้าของกระทู้เล่าว่าบ้านหลังนี้เดิมทีเป็นบ้านแฝด ใช้หลังคาและกำแพงร่วมกันกับบ้านข้าง ๆ

ต่อมาข้างบ้านได้สร้างส่วนต่อเติม จากแนวรั้วหรือแนวหลังคาเดิมที่ใช้ร่วมกัน และสร้างเป็นกำแพงใหม่ และเจาะกำแพงทำเป็นหน้าต่าง ซึ่งมีส่วนกันสาดรุกล้ำเข้ามาในตัวพื้นที่ของเจ้าของบ้าน โดยไม่ได้ขออนุญาตซึ่งเป็นเจ้าของที่ดิน และทรัพย์สินในที่ดังกล่าว พักหลังตัวเจ้าของบ้านเองไม่ค่อยได้อยู่บ้านหลังนี้ จึงให้ญาติเข้ามาอยู่ และไม่ค่อยได้แวะกลับมาดูบ้านนี้สักเท่าไหร่

ต่อมาเมื่อกลับมาเห็นบ้านนี้อีกครั้ง พบว่าข้างบ้านทำการต่อเติมจากบริเวณหลังคาและกำแพงข้างบ้านที่ใช้ร่วมกัน ทำเป็นห้องเพิ่มขึ้นไปอีก 1 ชั้น มีกันสาดรุกล้ำเข้ามาในตัวพื้นที่ของตน ทั้งหมดทำไปโดยที่ไม่ได้ขออนุญาต อีกทั้งไม่มีการเสริมคานใด ๆ ทั้งสิ้น เป็นเพียงเหล็กกล่อง 4×4 กับเพลท ยึดกับตัวพื้นปูน พิงอยู่กับผนังฝั่งบ้านเจ้าของกระทู้แล้วเสริมความหนาด้วยอิฐมวลเบา ปิดซ้อนผนังอีกที จึงอยากสอบถามว่ากรณีแบบนี้ควรจะทำอย่างไรดี

จากโพสต์ดังกล่าว มีชาวพันทิปหลายคนต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก โดยหลายคนมองว่าข้างบ้านนั้นทำไม่ถูกแน่นอน มองว่ากรณีนี้ไม่ได้มีการขออนุญาตก่อสร้าง สามารถร้องเรียนให้ทำการแก้ไขได้ โดยแจ้งไปที่เขต เพื่อร้องไปที่ศาลและขอคำสั่งให้มีการรื้อถอนออก

นอกจากนี้ การที่ต่อเติมเพิ่มอีก 1 ขั้น และใช้ผนังร่วมในการรับน้ำหนัก หากไม่รีบแก้ไข อาจส่งผลให้เกิดปัญหาเรื่องการรับน้ำหนักของตัวอาคารในอนาคต ทำให้อาคารทรุดและเกิดการเสียหาย รวมถึงยังมีเรื่องของการก่อสร้างที่ห้ามชิดแนวรั้วเกิน 50 เซนติเมตร และต้องได้รับอนุญาตเป็นเอกสารจากเจ้าของบ้านก่อน หากได้รับอนุญาตจริงก็ต้องไม่มีการเจาะหน้าต่าง

ต่อมา เจ้าของกระทู้เผยเพิ่มเติมว่า จากการคุยกับเพื่อนบ้านพบว่า ไม่ได้มีการขออนุญาตก่อสร้างจริง ตอนที่ต่อเติมมีการมาขอกับญาติของตนเท่านั้น โดยข้างบ้านนั้นขอว่าให้คงสภาพแบบนี้ไปก่อน หากตนย้ายกลับมาอยู่จะยอมรื้อให้ เบื้องต้นจะไปลงบันทึกประจำวันและร้องต่อเขตไว้เพื่อเป็นหลักฐานว่าตนเองประสงค์ให้ข้างบ้านทำการแก้ไขไว้ก่อน

‘หมอยง’ เผย 5 เหตุผล ทำไมฝีดาษลิงควบคุมยาก

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความเฟซบุ๊กพูดถึงโรคฝีดาษลิง ว่า โรคฝีดาษลิงนั้นเป็นโรคที่มีความยุ่งยากในการควบคุม

โดยข้อความเฟซบุ๊กเกี่ยวกับฝีดาษลิงระบุว่า “ฝีดาษวานรที่ระบาดในปีนี้ ในยุโรปและอเมริกา มีผู้ป่วยร่วม 500 ราย ส่วนใหญ่ เพศชายถึง 98% และอยู่ในวัยเจริญพันธุ์ อายุ 20 ถึง 50 ปี ความยุ่งยากในการควบคุมโรค คือ

1 อาการของโรคไม่ได้รุนแรงแบบไข้ทรพิษ ยังไม่มีใครเสียชีวิตเลย เมื่อมีอาการน้อยบางรายก็ไม่ได้รับการวินิจฉัย

2 ตุ่มที่ขึ้นก็ไม่ได้มาก 30% เกิดในที่ลับ บริเวณอวัยวะเพศ และถ้าไม่มีอาการมาก หรือตุ่มขึ้นน้อยก็จะไม่ได้พบแพทย์

3 โรคนี้ติดต่อ เกี่ยวข้องกับเพศสัมพันธ์ เพราะมีการสัมผัสกันอย่างใกล้ชิด

4 ไม่มีหลักฐานในการติดต่อจากสัตว์ หรือเดินทางมาจากแอฟริกา เป็นการติดต่อระหว่างคนสู่คน

5 ถ้าเชื้อฝีดาษวานร ที่ระบาดอยู่ขณะนี้ เข้าไปติดยังสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะสัตว์ฟันแทะ ในตระกูล หนู กระต่าย กระรอก สัตว์เหล่านี้จะมีอาการน้อยมาก และเป็นพาหะ ที่จะกระจายโรคได้ จะยากต่อการควบคุมขึ้นอีก นำไปสู่

การเกิดโรคประจำถิ่น ขณะนี้โรคประจำถิ่นอยู่แอฟริกา มีความกังวลว่า ถ้าติดในสัตว์เลี้ยง ที่กำลังระบาดอยู่นี้ ก็อาจประจำถิ่นอยู่ยุโรปต่อไป”

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป